My DreAM

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ใจมีธรรมะ

         คนที่มีความรู้ความสามารถเพียงอย่างเดียว อาจจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปได้ แต่ไม่อาจเป็นที่รัก นับถือของคนรอบข้างได้ ด้วยเพราะปราศจากคุณธรรมที่ควรจะมีไว้ในตนเอง ดังภาษิตที่ว่า "ความรู้ คู่คุณธรรม" นั่นเอง มีธรรมะหมวดหนึ่ง ชื่อว่า อธิษฐานธรรม คือ ธรรมะอันเป็นฐานที่มั่นของบุคคล หรือ ที่เรียกกันง่ายๆ ว่า ธรรมะในใจ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า มีอยู่ด้วยกัน 4 ประการ นั่นก็คือ

         1. ปัญญา แปลว่า ความรู้ชัด รู้ทั่ว เช่น การศึกษาเล่าเรียน จะเรียนรู้อะไรสักอย่างหนึ่งก็จะต้องศึกษาในเรื่องนั้นๆ ให้เข้าใจ แจ่มแจ้ง ชัดเจน จึงจะเรียกได้ว่า สำเร็จประโยชน์ในการเรียน ไม่มีความบกพร่อง จนในที่สุดก็สามารถที่จะรู้เหตุและผลของสิ่งต่างๆ ได้ตามความ เป็นจริง และปัญญานี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยเหตุ 3 ประการ คือปัญญาเกิดจากการฟัง ปัญญาเกิดจากการคิด และปัญญาเกิดจากการอบรม

         2. สัจจะ แปลว่า ความจริง คือ จริงใจ ประพฤติสิ่งใดก็ให้ทำจริง เช่น ตั้งใจไว้ว่าจะศึกษาเล่าเรียน จะปฏิบัติกิจอย่างหนึ่งอย่างใด ก็ต้องทำอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคเข้ามาเบียดเบียน ขัดขวาง ก็จะต้องใช้ความพยายามฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้นให้ได้ จนสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายตามที่ต้องการ ดังภาษิตที่ว่า "คนได้เกียรติ เพราะความสัตย์"

         3. จาคะ แปลว่า ความเสียสละ ได้แก่ สละสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความจริงใจ เริ่มต้นตั้งแต่การเสียสละ ให้ปันสิ่งของแก่คนอื่น จนถึงการสละกิเลสที่มีอยู่ในตน

         4. อุปสมะ แปลว่า ความสงบ คือ สงบกาย สงบใจจากสิ่งที่เป็นข้าศึกแก่ความสงบคือ กิเลส ระงับความขัดข้อง วุ่นวายอันเกิดจากการถูกกิเลสเข้าครอบงำเสียได้ ทำให้จิตใจมีแต่ความสงบ ปราศจากกิเลส ความเศร้าหมองใจ

         การคบหากัน จำต้องมีสัจจะ ความจริงใจซื่อสัตย์ต่อกัน จึงจะได้รับการยกย่องนับถือ ต้องมีจาคะ เสียสละแบ่งปัน การอยู่ร่วมในสังคมหมู่มาก ย่อมที่จะกระทบกระทั่งกันบ้าง จำต้องมีความสงบใจ ชีวิตจึงจะประสบแต่ความสุขตลอดไป ดังนั้น ธรรมะทั้ง 4 ประการนี้ ถ้าอบรมให้เกิดมีขึ้นในจิตใจหรือตั้งธรรมะ 4 ประการนี้ไว้ในใจแล้ว ก็สามารถที่จะทำให้ชีวิตประสบกับสมบัติอันจะพึงมี พึงได้ต่อไปในอนาคต
 ความใส่ใจ

สิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตเรามีหลายด้าน
บ่อยครั้งเราเกิดสับสนว่าจะรักษาอะไรไว้
จะเลือกอะไรดี “ระหว่างชีวิตกับความรัก”
เราไม่จำเป็นต้องเลือก
เพราะสองอย่างสำคัญเท่ากัน
เพียงแต่…
“ที่ตรงนั้นกับที่ตรงนี้
ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน”

ถ้าเรารู้จักใช้ชีวิต
เราก็จะรู้วิธีรักษาและดูแลชีวิต
และถ้าเรารู้จักคนรักและความรักอย่างแท้จริง
เราจะรู้จักวิธีประคับประคอง ดูแลรักษา
ให้ความรักเดินไปพร้อมๆ กับด้านอื่นๆ ได้

แล้วถ้าเราเข้าใจทั้งสองด้านได้มากพอ
เราจะไม่รู้สึกเหนื่อยที่ต้องแบกชีวิต
พร้อมกับดูแลความรักให้ดีอยู่เสมอ
เพราะแท้จริงแล้วทั้งสองสิ่ง
ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน
“ชีวิตอาจต้องการการทุ่มเท
แต่ความรักต้องการความใส่ใจ”

15 ข้อคิดสำหรับชีวิต


1.   ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของคนเรา คือ ตัวเราเอง
2.   ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ การอวดดี
3.   ความไร้ปัญญาที่สุดของคนเรา คือ การโกหก
4.   ความน่าเศร้าใจที่สุด คือ การอิจฉาริษยา
5.   ความน่าเศร้าใจที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ ความหมดอาลัยตายอยาก
6.   โทษทัณฑ์ที่หนักที่สุดและน่าสงสารที่สุด คือ การหลงตัวเอง
7.   นิสัยที่น่าสงสารที่สุด คือ ความน้อยเนื้อต่ำใจ
8.   ความน่ายกย่องที่สุด คือ ความวิริยะอุสาหะ
9.   ความล้มสลายในชีวิต คือ รู้สึกสิ้นหวัง
10.   ความร่ำรวยในชีวิต  คือ สุขภาพแข็งงแรง
11.   หนี้สินที่ใหญ่ที่สุด คือ หนี้บุญคุณ
12.   ของขัวญที่ล้ำค่า คือ การให้อภัย
13.   ความขาดแคลนของคน คือ เมตตา ประกอบด้วยปัญญา
14.   รู้สึกปิติที่สุด คือ การให้ทาน
15.   ยอมแพ้บ้างเป็นครั้งคราว

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

ความดี อันคนดีทำง่าย


 
ความดี หมายถึง การกระทำ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม คนที่คิดดี ก็จะพูดดีและทำดีด้วย เพราะมีจิตที่เป็นกุศล มองโลกในแง่ดี ทำความดีเป็นปกติวิสัยอยู่ทุกวัน ไม่มีเคอะเขินหรือฝืนใจทำแต่อย่างใด การทำดี ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมในชีวิตของเขา การไม่ได้ทำดี หรือการทำชั่วเสียอีก ที่เป็นสิ่งแปลกปลอมในชีวิตเพราะนาน ๆ จึงจะแว้บเข้ามาในชีวิตจิตใจ จึงเป็นเรื่องฝืนใจอย่างยิ่งที่จะกระทำ
คนดี สามารถทำความดีได้อย่างยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข อิ่มอกอิ่มใจ จิตเขาห่อหุ้มด้วยกุศล เสียแล้ว การทำความดีจึงเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวไม่มีการฝืนใจ เพียงมองโลกในแง่ดี รักเพื่อนมนุษย์ ให้อภัยในความผิดพลาดของคนอื่น ไม่เรียนรู้สังคมโดยใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางชนิดที่ว่า ถ้าคนอื่นพูดหรือทำอะไรไม่ถูกใจ ไม่สอดคล้องกับกิเลส ตัณหาของตนในขณะนั้น ก็จะโวยวาย ตีโพยตีพายไม่ยอมรับ แต่รู้ว่าเพื่อนมนุษย์ผู้เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายยังรู้ธรรมะหรือเข้าใจ ธรรมะน้อยกว่าเราจึงไม่ถือสาหาความ มุ่งแต่ทำความดีเสียสละเพื่อส่วนรวม ลด ละกิเลสอันได้แก่ ความโลภ ความโกรธ และ ความหลง ให้บรรเทาเบาบางลง ทำความดีเป็นปกติวิสัยจนเกิดเป็นอุปนิสัยที่เป็นความเคยชิน ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า สุกรํ สาธุนา สาธุ : ความดี อันคน
 "คุณค่าความเป็นมนุย์"


"คุณค่าความเป็นมนุย์ ประกอบด้วย ความจริง ความรัก และความเมตตา ความประพฤติชอบ ความสงบสุข และอหิงสา คือไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
   ถ้าเราจะเจาะลึกเข้าไป...ความจริง คือสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง จริงวันนี้ ก็ต้องจริงทุกวัน ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา และสถานที่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงหมด โต๊ะตัวหนึ่ง เมื่อร้อยปีที่แล้วเป็นส่วนของต้นไม้ ปัจจุบันถูกดัดแปลงมาเป็นโต๊ะ  อีกร้อยปีคงพังทลายไป โต๊ะนั้นก็ไม่ใช่ความจริงตามนิยาม และในจักรวาลนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นความจริง เพราะมีการเกิดดับ พอเราหาทั่วจักรวาลและไม่เจอความจริง   สุดท้ายก็เหลืออีกที่เดียวที่ยังไม่ได้เข้าไปหา นั่นก็คือภายในตัวเราเอง  และเราสามารถกลับเข้าไปค้นหาในตัวเราได้ด้วยการฝึกสมาธิ เพื่อเข้าถึงจิตใจของเรา และเราก็จะเจอว่าในตัวเรามีพุทธะ มีผู้รู้ ผู้ตื่นอยู่ในตัวเรา นี่คือความจริงสูงสุดที่มนุษย์ต้องแสวงหาให้ได้   และในการที่เราแสวงหาความจริง จะต้องอาศัยคุณค่าความเป็นมนุษย์อย่างอื่นมาสนับสนุน  
   ความสงบสุข เราจะมีความสงบสุขได้ก็ต่อเมื่อเราควบคุมอารมณ์ของเรา ควบคุมกิเลส โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา ยึดมั่นในตัวเอง เราต้องเอาชนะมันให้ได้ เมื่อเราเอาชนะอารมณ์เหล่านี้ได้ เราจะมีความสงบสุขมาก และสิ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความสงบสุข ก็คือ ความรักและความเมตตา
  เมื่อ เราช่วยเหลือคนอื่น เราไม่คิดถึงตัวเรา ตัวเราก็จะหมดไป เหลือแต่ตัวจริงของเรา คือ พุทธะ เมื่อเราตัดตัวกิเลส ตัดตัวเราออกไป ก็จะมีแต่ความสงบสุข และความรักความเมตตา และก็จะออกมาเป็นการกระทำของเรา  ในลักษณะของการช่วยเหลือผู้อื่น การทำประโยชน์แก่ส่วนรวม การทำแต่สิ่งดีงาม  นั่นคือความประพฤติชอบ ทั้งหมดรวมกันแล้ว ก็จะทำให้ไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น นั่นก็คือ อหิงสา
  ....เพราะฉะนั้นคุณค่าความเป็นมนุษย์ 5 ประการจะแยกออกจากกันไม่ได้เลย มีอย่างหนึ่งก็มีครบหมด ถ้าอันใดอันหนึ่งขาดหายไป ทุกอย่างก็หายไปหมด...."

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

เห็นแก่ตัว

หนอนกินผัก
สุนัขกัดรองเท้า
เป็นความเห็นแก่ตัวหรือ
ถ้ามันไม่รู้ว่าสิ่งที่มันทำนั้นผิด

ปลากัดกินลูกน้ำ
กาฝากเกาะกิ่งไม้
เป็นความเห็นแก่ตัวหรือ
ถ้ามันมีโอกาสเลือกได้ มันจะทำเช่นนั้นหรือ

ชาวนาถอนหญ้าในนาข้าว
ข้าศึกประหัตประหารกันในสมรภูมิ
นี่ก็เรียกว่าความเห็นแก่ตัวหรือ
ถ้าหน้าที่ไม่บังคับ เขาก็คงหลีกเลี่ยงแล้ว

กระทำเถิดถ้ามันจำเป็นต้องกระทำ
เพื่อความอยู่รอดของชีวิตเฉพาะหน้า
จงเป็นปรกติสุขเถิด
ถ้ามิได้กระทำเกินกว่า ความจำเป็น
ความสำเร็จ

แม้ว่าลาจะร้องเสียงจิ้งหรีดได้
มันก็เป็นความล้มเหลว มากกว่าความสำเร็จ

ทางแห่งความสำเร็จของชีวิต
ไม่อาจเลียนแบบกันได้
ผู้มีทัศนะคับแคบงมงายเท่านั้น
ที่จะเลียนแบบวิถีแห่งความสำเร็จของผู้อื่น

ความพยายามของตัวตน เพื่อตัวตน
ไม่อาจช่วยให้ชีวิตพบความสำเร็จที่แท้จริงได้
เพราะความพยายามเช่นนี้อยู่ที่ไหน
ความสำเร็จที่แท้จริงก็หาอยู่ด้วยไม่
จะมีก็แต่ความสำเร็จจอมปลอม
ที่กว่าจะได้มาก็ต้องทุกข์ทรมาน แสวงหา

การเข้าใจความจริงของชีวิตนั่นเอง
คือความสำเร็จของชีวิต
และการใช้ชีวิตเพื่อสรรพชีวิต
ก็คือหนทางของความสำเร็จ

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

มูลค่าของชีิวิต
 การเดินทางของชีวิต



นานมาแล้ว ... มีพระราชาผู้หนึ่ง ได้บอกกับคนขี่ม้าของเขาว่า
ถ้าเขาสามารถขี่ม้าไปครองพื้นที่ได้มากเท่าไรก็ตาม
พระราชาจะยกที่ดินนั้นให้กับเขา คนขี่ม้าจึงควบม้าของเขา
ไปอย่างรวดเร็วด เพื่อครอบครองที่ดินให้มากเท่าที่จะทำได้
เขาเร่งควบม้าไปเรื่อย ๆ เร็วเท่าที่ม้าจะรับไหว ...
เมื่อเขาหิว หรือเหนื่อย เขาก็ไม่หยุดควบม้า
เพราะเขาต้องการครอบครองดินแดนให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้
เมื่อมาถึงจุดหนึ่งเขาหมดแรง และกำลังจะตาย เขาจึงถามตัวเองว่า ...
" ทำไมเราถึงกดดันตัวเองอย่างหนักเพื่อให้ได้ครอบครองผืนดิน?
ตอนนี้เรากำลังจะตาย และเราก็ต้องการเพียงแค่ที่ดินเล็ก ๆ เพื่อฝังศพตัวเอง "

... เรื่องข้างต้นก็เหมือนการเดินทางของชีวิตพวกเรา ...
พวกเราผลักดันตัวเองอย่างทุกวันเพื่อให้ได้เงินมากๆ มีอำนาจ และ เป็นที่ยอมรับ
พวกเราละเลยที่จะดูแลสุขภาพของตัวเอง และคนรอบข้าง ...
เราไม่มีแม้เวลาที่จะให้กับครอบครัว และชื่นชมกับสิ่งสวยงามรอบตัว
หรือแม้กระทั่ง งานอดิเรกที่เรารัก เราก็ไม่มีแม้เวลาที่จะทำมัน
วันหนึ่งเมื่อเรามองกลับไป ... พวกเราจะตระหนักว่า
สิ่งที่ต้องการนั้น จริง ๆ เรากลับไม่ได้มันมา ทั้งที่มันอยู่ใกล้เสียเหลือเกิน ...
แต่สิ่งที่เราขวนขวาย และพยายามไขว่คว้า มันกลับไม่ได้ให้อะไรกับชีวิตเราเลย
แต่เมื่อเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้กับสิ่งที่เราพลาดไปในชีวิต
ไม่ใช่การสร้างเงิน สร้างอำนาจ หรือการยอมรับ
ชีวิตไม่ใช่การทำงาน งานเป็นสิ่งสำคัญเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เราสนุก
กับความงาม และความพึงพอใจของชีวิต ...
แต่ ...ชีวิตคือความสมดุลของงาน และการเล่น ครอบครัวและเวลาส่วนตัว
... จงตัดสินใจว่าจะสร้างสมดุลให้กับชีวิตคุณอย่างไร?
กำหนดลำดับความสำคัญของคุณเอง ตระหนักว่าอะไรที่คุณสามารถยอมรับได้
แต่จงตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณของตัวคุณเอง ...
ความสุขคือความหมาย และจุดมุ่งหมายของชีวิต ...
ดังนั้น ... สร้างมันง่าย ๆ โดยทำในสิ่งที่คุณต้องการจะทำ
และซาบซึ้งกับธรรมชาติ ชีวิตนั้นเปราะบาง ชีวิตนั้นสั้น
ใช้ชีวิตอย่างสมดุล ในสไตล์ของคุณเอง และสนุกกับมัน

มองดูสิ่งที่คุณคิด มันจะกลายเป็นคำพูด
มองดูคำพูดของคุณ มันจะกลายเป็นการกระทำ
มองดูการกระทำของคุณ มันจะกลายเป็นนิสัยติดตัว
มองดูนิสัยของคุณ มันจะกลายเป็นบุคลิก
มองดูบุคลิกของคุณ มันจะกลายเป็นโชคชะตา

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือตัวคุณที่จะกำหนดตัวคุณเอง
นักพูดที่เป็นที่รู้จักกันดีท่านหนึ่งได้เริ่มหยุดการสัมนาของเขาโดยการหยิบแบงค์ 1,000 ขึ้นมา
ในห้องที่มีผู้เข้าร่วม 200 ท่าน แล้วเขาก็พูดว่า "ใครอยากได้แบงค์ 1,000 นี้บ้าง?" มือได้ถูกยกขึ้นเป็นจำนวนมาก และเขาก็พูดต่อว่า
"ฉันจะให้เงินแบงค์1,000 นี้แก่หนึ่งในพวกท่านแต่ครั้งแรกนี้ฉันจะทำอย่างนี้"
เขาเริ่มที่จะขยำๆเงินนั้นแล้วเขาก็ถามอีกว่า "ใครจะยังต้องการมันอีก"
ยังคงมีมือที่ยกขึ้นอีก
"ดี" เขาตอบ
"แล้วถ้าฉันทำอย่างนี้ล่ะ"
และเขาก็ทิ้งมันลงที่พื้น และเริ่มที่เหยียบย่ำมันด้วยรองเท้าของเขา แล้วเขาก็เก็บขึ้นมา ขณะนี้มันทั้งยับยู่ยี่และสกปรก
"ตอนนี้ใครยังต้องการมันอีก" ก็ยังคงมีคนยกมืออีก

"เพื่อนๆ คุณได้เรียนรู้บทเรียนที่มีคุณค่ามากที่สุดบทหนึ่งแล้วว่า ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับเงิน
คุณก็ยังต้องการมันอยู่ เพราะว่ามันไม่ได้ลดคุณค่าในตัวมันลงเลย มันก็ยังคงมีค่า1,000 บาทอยู่นั่นเอง
เหมือนกับหลายๆ ครั้งในชีวิตของเรา ที่ถูกทิ้ง ถูกเหยียบย่ำ และถูกทำให้สกปรก โดยสิ่งที่เราตัดสินใจทำมัน และสภาพแวดล้อมที่เราเจอ
ทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของเราลดน้อยลง แต่ไม่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้นหรืออะไรที่จะเกิดขึ้น
คุณไม่เคยสู­ญเสียคุณค่าของคุณ คุณเป็นคนพิเศษ -- อย่าลืมมันตลอดไป!

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

คำทำนาย ทายนิสัย จากเสียงหัวเราะ

  1. หัวเราะปากกว้าง ถ้าหัวเราะอ้าปากกว้างและปล่อยก๊ากอย่างเต็มที่ ขณะหัวเราะพร้อม กับส่งเสียงดังเต็มที่ แสดงว่า เป็นคนที่ไม่ค่อยมีลับลมคมในกับใคร มีน้ำจิตน้ำใจกว้างขวาง ชอบสนุก ชอบพูดคุยสังสรรค์ ขี้หลงขี้ลืม แต่ก็มีความเป็นระบบระเบียบกับชีวิตตัวเอง
  2. หัวเราะลั่น คนที่พอรู้สึกขำแล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นนั้น เป็นคนที่มี นิสัยเหมือนเด็ก ๆ มีความจริงใจเสมอ และเป็นตัวของตัวเอง ค่อนข้างสูง
  3. หัวเราะง่ายหรือหัวเราะร่วน คนที่มักจะมีท่าทีหัวเราะง่าย ๆ คือ หัวเราะได้บ่อย นั่นแสดงถึงคนที่ ค่อนข้างมีจิตใจดีมองโลกในแง่ดี มีความสดชื่นร่าเริงเสมอ มีความ เป็นตัวของตัวเองสูงและก็มักจะมีรสนิยมในการชอบเพศตรงข้ามที่ แปลกแยกแตกต่างไปจากคนทั่ว ๆ ไป
  4. หัวเราเหมือนม้า เสียงหัวเราะที่ค่อนข้างแหลมและต่อเนื่องในลำคอบ่งบอกถึง ความเป็นคนรักสนุกชอบให้คนสนใจ ชอบความโดดเด่นภายในใจ มีความกดดันและเก็บกดจากความทุกข์ที่มักซ่อนเร้นเอาไว้เสมอ
  5. หัวเราะเอามือปิดปาก ท่านใดที่ชอบยกมือปิดปากไว้ด้วย ในขณะที่หัวเราะสนุกสนาน แสดงว่าเป็นคนที่มีความเกรงอกเกรงใจคนอื่นเสมอ แคร์ความรู้สึก ของผู้อื่น มีความเป็นมิตรไมตรีสูงและต้องการให้ผู้คนรู้สึกเป็นมิตร ตอบด้วยนอกจากนี้ยังเป็นคนช่างคิดและมีชั้นเชิงมีเล่ห์เหลี่ยมพอควร
ใครชอบหัวเราะแบบไหน เลือกให้ตรงข้อนะคะ

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554




ความทรงจำเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับคนบางคน
โดยเฉพาะคนที่มีเวลาดีๆ ที่ใช้กับคนรัก
ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนหวงแหน
ต้องระลึกไว้ในความทรงจำ ต้องถนอมดูแลให้ดี

หลายคนจึงไม่อาจตัดใจจากวันเก่าๆ ได้เสียที
เพราะว่ามีความสุขกับการได้คิดถึงอะไรดีๆที่ผ่านไป
โดยลืมนึกไปว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้วจะไม่มีวันย้อนกลับคืนมาได้อีก
หากจะต้องตัดใจลืมหรือเดินจากอดีตมาก็ไม่ได้อีก
เพราะเหตุผลที่ว่า "เสียดายเวลา" ที่คบกันมา

บางคนคบกันมานานจนแทบจำไม่ได้ว่า
เคยยิ้มให้กับความรักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
เพราะหลังๆ มาก็อยู่แต่กับความทุกข์
จนนึกภาพความสุขไม่ออกแต่ที่ไม่กล้าเลิกเพราะยังคิดถึงวันเก่าๆ
แค่เสียดายเวลาที่คบกันมาเนิ่นนาน
โดยไม่คิดเลยว่า ทุกๆวันของวันนี้ พรุ่งนี้และวันต่อๆไป
ก็จะกลายเป็นเพียงวันเก่าๆ ที่น่าเสียดาย
และ...เวลาที่น่าเสียดายก็จะเพิ่มขึ้นๆ

จริงๆ แล้ว วันคืนในอดีต
ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับเราเลย
นอกจากมีไว้ให้ นึ ก ถึ ง
อาจจะทำให้เรายิ้มได้บ้าง แต่ทำให้เราคาดหวังไม่ได้
เราจะไปหวังว่าวันหนึ่ง วันเหล่านั้นจะกลับา
หรือจะไปเฝ้าฝันว่าความสุขเหล่านั้นยังคงเป็นปัจจุบัน
หรือหลอกตัวเองว่าตอนนี้ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม
จะยังไงก็แล้วแต่คือการหลอกตัวเองทั้งนั้น
ยอมรับเถอะว่าทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว และจบไปแล้ว
ความทรงจำเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
เวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะ 1 ปี 5 ปี หรือกี่สิบปี
ก้อไม่ได้มีความหมายมากไปกว่า..
หนึ่งวันข้างหน้าที่เราจะต้องมีชีวิตใหม่
ที่เราจะต้องเริ่มต้นใหม่
เมื่อคนเราต้องอยู่กับปัจจุบัน
เพื่อที่จะสร้างอนาคตให้ตัวเองได้อยู่ในอนาคตที่ดี
เวลา 10 ปี กับวันคืนที่เคยหวานชื่น
ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่า 1 วันแห่งการเริ่มต้น
1 วันแห่งการแปรเปลี่ยนชีวิตของเราทั้งชีวิต
ใ ห้ ดี ก ว่ า ที่ เ ป็ น

" หากจะเสียดายเวลาน่ะ ไม่ต้องเสียดายเวลาที่คบกันมาหรอก
ให้เสียดายเวลาในวันข้างหน้า
ที่จะอดทนคบไปทั้งที่ไม่มีอะไรแล้วจะดีกว่า
แล้วยังจะมาเสียดายอดีต..
นึกดูดีๆ ว่าเสียดายอนาคต ดีกว่าไหม "

ลองย้อนกลับไปดูตัวเองด้วยนะจ๊ะ


วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

สิ่งที่เรามองข้าม

สิ่งที่เรามองข้าม


ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง
และเวลานี้….

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

ใจเขาใจเรา

อยู่ในสังคมมนุษย์
สิ่งที่ต้องระวังไม่ใช่มนุษย์เสมอไป
ใจที่เห็นแก่ตัวของเรานั่นแหละ
คือสิ่งที่ควรระมัดระวังให้มาก
เมื่อการกระทำต้องเกี่ยวพันกับผู้อื่น
ไม่ต้องเอาใครไปใส่ใจใคร
อย่าเอาเปรียบเขาก็พอ
เมื่อมิได้คำนึงถึงสวัสดิภาพของตนเอง
แต่ก็ต้องระมัดระวังสวัสดิภาพของผู้อื่น
เราไม่โกรธ เราไม่กลัว เราไม่เจ็บ
แต่ผู้อื่นอาจจะโกรธ อาจจะเจ็บ และอาจจะกลัว
ถึงคราวที่จำเป็นต้องกระทำแล้ว
ก็ลงมือกระทำด้วยสติปัญญาเถิด
ไม่ต้องมัวไปคำนึงถึงใจเรา ใจเขา
หรือแม้แต่ใจใครทั้งสิ้น

 

ปฏิทิน